เรื่องการกินไขมัน ลดอ้วน อยู่ในกระแส และนักโภชนาการก็ยืนยันว่า เป็นไปได้ และได้ผล ขณะที่บางคนยังสงสัย เพราะเชื่อว่าความอ้วนเกิดจากไขมันสะสม ฉะนั้นการกินไขมันลดอ้วน จะทำได้อย่างไร
บทความนี้ NTP (nutritional therapy practitioner หรือนักบำบัดโรคด้วยอาหาร) จึงขอแนะนำวิธีกินไขมัน ลดอ้วน ที่ถูกต้องมาบอก
ประโยชน์ของไขมันในร่างกาย
เพื่อที่จะได้รู้ว่า วิธีกินไขมัน ลดอ้วน ที่ถูกต้อง จะต้องทำอย่างไร
-
ช่วยป้องกันการอักเสบในเซลล์
เพราะเซลล์ในร่างกาย มีไขมันเป็นเยื่อหุ้ม (cell membranes) ทำหน้าที่ทั้งป้องกันการอักเสบ โดยการส่งสัญญาณการอักเสบ และลดการอักเสบ โดยเซลล์ไขมันดังกล่าวจะสร้าง PG หรือ prostaglandin ซึ่งมีลักษณะเหมือนฮอร์โมน บ่างเป็น PG1 PG2 และ PG3 โดย PG2 จะส่งสัญญาณการอักเสบ เพื่อ PG1 และ PG3 จะช่วยลดการอักเสบ
-
ช่วยควบคุมฮอร์โมนความหิว (hunger hormone)
ฮอร์โมนความหิวมีหลายตัวด้วยกัน เช่น เลปติน เกรลิน โคเลซิสโตคินิน (มีชื่อย่อว่า ซีซีเค) และอะดิโพเนคติน
ขอยกตัวอย่างการทำงานของฮอร์โมนความหิวสองตัวสำคัญคือ ฮอร์โมนซีซีเค ช่วยทำให้เราเกิดความรู้สึกอิ่ม หลังจากกินอาหาร สร้างจากการกินไขมันดี อย่างถูกต้องและพอเพียง
ส่วนฮอร์โมนเกรลิน ทำงานตรงกันข้ามกับฮอร์โมนซีซีเค ทำให้เราเกิดความรู้สึกหิว ทั้งเป็นความหิวปกติก่อนการกินอาหาร หรือความหิวเฉียบพลัน ซึ่งเป็นความรู้สึกแบบเดียวกับความอยากอาหารรสชาติต่าง ๆ ฮอร์โมนเกรลินสร้างจากกระเพาะอาหารและตับอ่อน แต่การกินไขมันดี อย่างถูกต้องและพอเพียง จะช่วยสร้างความสมดุลให้ฮอร์โมนเกรลิน เพื่อลดความหิวเฉียบพลัน
บทบาทของไขมันดี ต่อระบบการเผาผลาญ
-
โอเมก้า-3
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญช่วยทำความสะอาดไต ลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ แอล-คาร์นิทีน ช่วยร่างกายเผาผลาญไขมัน และจากการทดลองในสัตว์ทดลองพบว่า การกินไขมันดีชนิดนี้ ช่วยเผาผลาญไขมันสะสมได้ในปริมาณมาก
-
โอเมก้า-6
ทำหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของต่อมไทรอยด์ เพิ่มพลังระบบการเผาผลาญ และช่วยให้กล้ามเนื้อสีน้ำตาล (brown adipose tissueหรือมีชื่อย่อว่า บีเอที) เผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่ ช่วยรักษาความเต่งตึงของผิวในขณะลดความอ้วน
-
PG หรือ Prostaglandin
ที่เกิดจากการกินไขมันดี อย่างถูกต้องและพอเพียง ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของ โปแตสเซียม-โซเดียมปั๊ม ที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่
วิธีกินไขมันลดอ้วน ที่ถูกต้อง
-
กินกรดไขมันดี อัลฟาไลโนเลอิก (ALA)
กรดไขมันดีชนิดนี้ เป็นส่วนประกอบของ โอเมก้า-3 พบมากในเมล็ดแฟล็ก เมล็ดกัญชง และวอลนัท ร่างกายสามารถใช้เอนไซม์ชื่อ d-saturated 6 ในการแปลงกรดไขมันดีALAเป็นกรดไขมันดี EPA และเป็นกรดไขมันดี DHA ตามลำดับ (เพื่อไปทำหน้าที่ป้องกันการอักเสบ)
อย่างไรก็ตาม หากกินแป้งขาวและของหวาน ไขมันทรานส์ ตกอยู่ในภาวะเครียด ขาดวิตามิน ได้รับสารพิษจากสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการกินยาบางอย่าง จะเข้าไปขัดขวางกระบวนการแปลงกรดไขมันดี ALA ไปยังกรดไขมันดี DHA
-
กินกรดไขมันดี ไลโนเลอิก (LA)
กรดไขมันดีชนิดนี้เป็นส่วนประกอบของ โอเมก้า-6 พบมากในนำมันเมล็ดทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด และน้ำมันแซฟฟฟลาวเวอร์ แบบที่ยังไม่ผ่านกระบวนการแปรรูป หรือถูกความร้อน (ย้ำไม่ผ่านกระบวนการแปรรูป หรือถูกความร้อน) ทั้งนี้ร่างกายจะแปลงกรดไขมันดี LAเ ป็นกรดไขมันดี GLA และเป็นกรดไขมันดี AA ตามลำดับ (เพื่อไปทำหน้าที่ป้องกันการอักเสบ)
เช่นกัน หากกินแป้งขาวและของหวาน ไขมันทรานส์ ตกอยู่ในภาวะเครียด ขาดวิตามิน ได้รับสารพิษจากสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการกินยาบางอย่าง จะเข้าไปขัดขวางกระบวนการแปลงกรดไขมันดี LA ไปยังกรดไขมันดี AA
-
กินกรดไขมันดี คอนจูเกท ไลโนเลอิก (CLA)
กรดไขมันดีชนิดนี้เพิ่งพบในปี 1980 โดยทีมนักวิจัย นำโดย นายแพทย์ไมเคิล พาริซ่า แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิล สหรัฐอเมริกา กรดไขมันดีชนิดนี้พบมากใน เนื้อวัว และผลิตภัณฑ์จากวัว ที่เลี้ยงด้วยหญ้าสีเขียว (ย้ำ CLA มาจากเนื้อวัวและผลิตภัณฑ์จากวัว ที่เลี้ยงด้วยหญ้าสีเขียว) CLA ช่วยลดการสะสมของไขมัน โดยการช่วยร่างกายเผาผลาญไขมัน (งานวิจัยชิ้นนี้ได้รับรางวัล และสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ อย่างไรก็ตาม เนื้อวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้าสีเขียวในบ้านเรานั้นหายากมาก
- ไขมันต้องงด
การกินไขมันดีลดอ้วน ให้ได้ผลนั้น จำเป็นต้องหลีกเลี่ยง ไขมันต่าง ๆ ดังนี้คือ ไขมันที่ผ่านกระบวนการแปรรูป ไขมันทรานส์ (มาการีน และอาหารที่ผ่านการทอดน้ำมันท่วม) เนื้อสัตว์ที่ผ่านกระบวนการแปรรูป หรือเนื้อสัตว์ที่เลี้ยงในระบบอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับฮอร์โมนหรือยาบางอย่าง อันจะไปขัดขวางการทำงานของกรดไขมันดี โดยเฉพาะโอเมก้า-3 และโอเมก้า-9ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
เรื่องการกินไขมันลดอ้วนนั้นทำได้ แต่ต้องทำความเข้าใจการกินไขมันดี อย่างถูกต้อง
__________________________________________________________________________
อ่านเพิ่มเติม