ไม่น่าเชื่อว่า การขาดแมกนีเซียม ก็กลายเป็นปัจจัยที่ทำให้การลดน้ำหนักไม่เห็นผล ทั้งนี้เราอาจต้องมาปรับความเข้าใจเรื่อง แร่ธาตุและการขาดแมกนีเซียมเสียใหม่ เพื่อให้การลดน้ำหนักเห็นผล
ยุคนี้ แร่ธาตุแมกนีเซียมมาแรงพอ ๆ กับวิตามินดี ดร. แอน หลุยส์ ศัลยแพทย์ด้านสมองและระบบประสาท นักบำบัดโรคด้วยอาหาร ยืนยันว่า วงการนักโภชนบำบัดสมัยใหม่ยกย่องให้ แร่ธาตุและวิตามินทั้งสองเป็นซุปเปอร์สตาร์ ที่มีสรรพคุณซุปเปอร์สมชื่อ กล่าวคือ
แมกนีเซียมช่วยแปลงอาหารไปเป็นพลังงาน ฉะนั้น หากร่างกายขาดแมกนีเซียม การเผาผลาญไขมันก็จะเกิดปัญหา
นอกจากนี้ หากร่างกายขาดแมกนีเซียม (ไม่แต่เฉพาะแคลเซียม) วิตามินดีที่เราได้รับจากแสงแดดทุกวัน ก็จะไม่ถูกนำไปใช้ ฉะนั้นการขาดแมกนีเซียม ก็ทำให้ร่างกายไม่สามารถนำวิตามินดีไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยิ่งไปกว่านั้น แมกนีเซียมคือ แร่ธาตุที่ช่วยร่างกายผ่อนคลาย การขาดแมกนีเซียม กล้ามเนื้อจะไม่ผ่อนคลายแบบที่ควรจะเป็น ทำให้เกิดอาการกระตุก เป็นตะคริว กระวนกระวาย ความดันโลหิตสูง เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยเรื้อรัง รวมทั้งลดการเกิดโรคหัวใจ
แมกนีเซียมและระบบเผาผลาญ
หน้าที่ของแมกนีเซียมต่อระบบการย่อยและเผาผลาญนั้น มีมากกว่า 300 หน้าที่ รวมไปถึงการนำพลังงานไปใช้ และการเผาผลาญแคลอรี่
แมกนีเซียมยังทำหน้าที่อิเล็คโทรไลต์ ในการออสโมซิสน้ำหรือการนำน้ำไปใช้เป็นพลังงานไฟฟ้า ในการสื่อสารของหัวใจและสมอง ซึ่งต้องการแมกนีเซียมเป็นปริมาณมาก
นอกจากนี้ แมกนีเซียมยังมีบทบาทในการควบคุมฮอร์โมน ป้องกันไม่ให้คอร์ติซอลสูงเกินไป ไม่ให้อินซูลินหลั่งออกมาผิดปกติ และช่วยควบคุมการทำงานของฮอร์โมนไทรอยด์ ฉะนั้น หากร่างกายขาดแคลเซียม ก็ทำให้เกิดภาวะอ้วน โรคอ้วน ไม่สามารถควบคุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนักได้
ทำไมเราจึงขาดแมกนีเซียม
ร่างกายเราต้องการแมกนีเซียมวันละ 400-1000 มิลลิกรัม แต่เรากลับได้รับจากอาหารเพียงครึ่งเดียว และใช้มันหมดลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในรายที่มีอาการอยากอาหาร จำพวกแป้งขาวและของหวาน ซึ่งสัมพันธ์กับการควบคุมน้ำตาลในเลือด ฉะนั้นการกินสมูตตี้ที่คั้นจากผักผลไม้สีเขียว อัลมอนด์ ผักทะเล ข้าวกล้อง จะช่วยรักษาระดับแมกนีเซียมในร่างกายให้มีพอใช้
อย่างไรก็ตาม การกินแมกนีเซียมชนิดเม็ดบางยี่ห้อ อาจไม่สามารถทำให้ร่างกายนำแมกนีเซียมดังกล่าวไปใช้ได้ จึงควรกินจากอาหารให้ครบถ้วนเพียงพอ
ทั้งนี้ สาเหตุการสูญเสียจนทำให้เราขาดแมกนีเซียมมาจาก
-
ความเครียด
ความวุ่นวายกายและใจในชีวิตประจำวัน ทำให้ร่างกายใช้แมกนีเซียมให้หมดลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เครียดมาก แมกนีเซียมจะเข้ามาจัดการกับกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย เพื่อให้ลดความตึงเครียดลง ทั้งนี้การขาดแมกนีเซียมจะทำให้เกิดภาวะเครียดเรื้อรัง
-
กินอาหารเสริมด้วยความไม่เข้าใจ
ปัจจุบัน เราเข้าถึงวิตามินและอาหารเสริมได้ง่ายดาย แต่การได้รับแมกนีเซียมในรูปแบบเม็ด ที่ขาดโคแฟ็กเตอร์ (co-factor) ช่วยให้ร่างกายนำแมกนีเซียมไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ร่างกายไม่ได้รับแมกนีเซียมเลย การขาดแมกนีเซียมในระยะยาว นำไปสู่โรคน่ากลัวอย่างอัลไซเมอร์ อ่อนเพลียเรื้อรัง โรคกระดูกและข้อเสื่อม นอกไปจากภาวะเครียดเรื้อรังข้างต้น
-
ได้รับแคลเซียมมากเกินไป
แมกนีเซียมต้องสมดุลกับระดับแคลเซียมในร่างกาย โดยเฉพาะในเรื่องการสร้างความแข็งแรงให้กระดูก และป้องกันโรคกระดูกและข้อเสื่อม ไม่ใช่แคลเซียมอย่างที่เราเข้าใจ กล่าวคือ เมื่อเลือดเป็นกรด ร่างกายจะดึงเอาแคลเซียมออกจากกระดูกมาใช้ และเมื่อเลือดเป็นด่าง ร่างกายจะนำแคลเซียมไปสะสมไว้ในกระดูก และแร่ธาตุที่มีหน้าที่ทำให้ร่างกายนำแคลเซียมไปใช้ได้คือ แมกนีเซียม หรืออีกนัยหนึ่ง การสร้างสมดุลความเป็นกรดด่างของเลือดคือ แมกนีเซียมนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม หากกินแคลเซียมในปริมาณมากเกินไป แคลเซียมจะไปกดการทำงานของแมกนีเซียม ทำให้แมกนีเซียมไม่สามารถแสดงบทบาทในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดความตึงเครียดของอวัยวะภายใน อีกทั้งแคลเซียมก็จะทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดก้อนนิ่วในไต หลอดเลือดหัวใจแข็งตัว
แมกนีเซียมเพียงพอ ลดน้ำหนักได้
- ลดเครียด เพื่อให้ร่างกายไม่ใช้แมกนีเซียมหมดลงอย่างรวดเร็ว
- เพิ่มการกินพืชผักสีเขียว ทั้งนี้อาจเป็นน้ำคั้นจากผัก น้ำผักปั่น โดยมีส่วนผสมเป็น ผักกาดหอม คะน้า ผักโขม
- อย่าออกกำลังกายอย่างหักโหม ความจริงการขยับร่างกายเป็นเรื่องดี คนเราควรออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ๆ ละอย่างน้อย 30 นาที แต่ตรงกันข้าม หากออกกำลังกายเกินกำลัง ร่างกายจะหลั่งคอร์ติซอลออกมา เพื่อดึงเอาพลังงานจากกล้ามเนื้อไปใช้ ซึ่งในกระบวนการนี้ ร่างกายจะมีความตึงเครียดมาก ต้องใช้แมกนีเซียมปริมาณมากในการผ่อนคลายอวัยวะภายในลง
ฉะนั้นหากต้องการทำกิจกรรมเพื่อการคลายเครียดในข้อ1 อาจใช้วิธีการนั่งสมาธิ อ่านหนังสือ การขัดผิวด้วยน้ำมันอโรมา หรือด้วยเกลือเอปซอม (Epsom) ซึ่งมีแมกนีเซียมซัลเฟต ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
การขาดแมกนีเซียมทำให้การแปลงอาหารไปเป็นพลังงานนั้นผิดปกติ จึงทำให้การลดน้ำหนักของเราไม่เห็นผล…จำไว้นะคะ
__________________________________________________________________________
อ่านเพิ่มเติม