การเลิกติดหวานนั้น “ยาก” บอกตรงๆ แต่หากมีความตั้งใจจริง ก็สามารถทำได้ โดย 2 โปรแกรมเลิกติดหวานที่เคยนำเสนอก่อนหน้านี้ และครั้งนี้เรามีกิจกรรมผ่อนคลาย ให้เลิกติดหวานมาฝาก ย้ำ ทุกคนทำได้ค่ะ
เมื่อเริ่มกินของหวาน สมองจะเริ่มรับรู้และเรียนรู้รสชาตินี้ เหมือนรสชาติอาหารอื่น ๆ แต่ความร้ายกาจของของหวาน ที่ย้อนกลับมาทำร้าย จนเราติดหวานนั้น อยู่ตรงที่ของหวานจะเข้าไปแทนตัวรับ (receptor) ของสารสื่อประสาท (neurotransmitter) โดยปกติสารสื่อประสาทดังกล่าว มีส่วนประกอบเป็นสารเคมีที่ผลิตจากกรดอะมิโน หรือโปรตีน ได้แก่ เอนโดรฟิน เซโรโทนิน กลูตาเมท กาบ้า โดปามีน โนเรพิเนฟริน ซึ่งสารเคมีแต่ละตัวดังกล่าว จะทำหน้าที่แตกต่างกันไป เอนโรฟินช่วยลดปวดและเพิ่มความสุข กาบ้าช่วยผ่อนคลายและยับยั้งความกระวนกระวาย เป็นต้น
การติดหวาน ดังกล่าวเกิดขึ้นในสมองส่วนไฮโปไธลามัส การเลิกติดรสชาติอาหาร รวมทั้งการเลิกติดหวานดังกล่าว ต้องเข้าไปแก้ไขที่สมองส่วนนี้ด้วย ซึ่งนั่นก็ได้แก่ กิจกรรมผ่อนคลายต่าง ๆ คุณหมอแดเนียล จี. เอเมน กล่าวไว้ในหนังสือ Change Your Brain, Change Your Life ว่า
-
ฟังเพลง
โดยคุณซินเทีย บูลิค ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Crave : Why You Binge Eat and How to Stop เป็นผู้อำนวยการศูนย์การกินผิดปกติ มหาวิทยาลัยนอร์ทคาโลไรน่า กล่าวว่า เธอแนะนำให้คนไข้ฟังเพลงจังหวะสนุกๆ เปิดเสียงดังๆ ทุกครั้งที่อยากกินของหวาน เนื่องจากเสียงเพลงจะเข้าไปขัดขวางอารมณ์หรือความรู้สึกที่เกิดขึ้น กิจกรรมผ่อนคลายนี้ จึงช่วยให้การเลิกติดหวานได้ผล
-
เต้นรำอย่างเมามัน
เนื่องจากมีงานวิจัยยืนยันว่า คนที่กินดุจนอ้วน หรือยั้งปากตนเองไม่ให้กินที่ไม่ควรกินไม่ได้ จนไม่สามารถเลิกติดหวานได้ มีสาเหตุหนึ่งมาจากการขาดโดปามีน อันเป็นสารสื่อประสาทในสมอง ฉะนั้นกิจกรรมผ่อนคลายที่ช่วยให้โดปามีนหลั่งคือ การเต้นรำ การออกกำลังกาย และการทำกิจกรรมสังสรรค์กับผู้อื่น
-
พรมน้ำหอมบนข้อมือ
หากคุณไม่แพ้น้ำหอม ก็แนะนำให้ใช้วิธีนี้ เนื่องจากกลิ่น เสียง และงานศิลปะเป็นกิจกรรมจะช่วยดึงความสนใจของคุณ ออกมาจากความต้องการเติมเต็มรสชาติอาหารที่หลงใหล หมายถึง การเลิกติดหวานนั้นแหละ งานเขียนชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน Journal of Alternative and Complementary Medicine ระบุว่า กลิ่นจะกระตุ้นประสาทส่วน parasympathetic ที่จะส่งสัญญาณไปยังระบบประสาทที่ควบคุมความตื่นตัว หากเป็นไปได้ หาน้ำหอมกลิ่นกุหลาบ ที่จะช่วยให้กิจกรรมผ่อนคลายนี้เห็นผลในการช่วยให้เลิกติดหวานได้ผลยิ่งขึ้น เนื่องจากกลิ่นกุหลาบจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด ลดความรู้สึกผิด และความเศร้า
-
คุยกับเพื่อนสนิท
เพราะความเครียดหรืออารมณ์ด้านลบอาจทำให้คุณกินอย่างไม่บันยะบันยัง เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกแย่ แต่ส่วนใหญ่มักได้ของแถมเป็นความอ้วน หรือระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และไม่สามารถเลิกติดหวานได้ คุณลินดา สแปนเกิ้ล ผู้เขียนหนังสือชื่อ 100 Days of Weight Loss กล่าวว่า หากคุณรู้สึกเบื่อ กังวล หรือวุ่นวายใจ ให้ระบายความรู้สึกต่าง ๆ เหล่านั้นกับเพื่อนหรือคนรู้ใจ แทนการหันหน้าเข้าหาอาหาร ก็จะช่วยให้คุณเลิกติดหวานได้
-
งีบกลางวัน
มหาวิทยาลัยชิคาโกศึกษาพบว่า การนอนไม่หลับหรือนอนไม่พอนั้น จะลดระดับฮอร์โมนเลปติน (ทำหน้าที่ส่งสัญญาณความอิ่ม) ร้อยละ 18 และเพิ่มระดับฮอร์โมนเกรลิน (ทำหน้าที่ส่งสัญญาณความหิว) ร้อยละ 30 ทำให้คนที่มีปัญหาการนอนมักอยากกินอาหารจำพวกแป้ง คุ้กกี้ และมันฝรั่งทอดเพิ่มขึ้นร้อยละ 45 การแก้ปัญหาเรื่องนี้ง่ายๆ เพื่อเลิกติดหวานได้ คือ กิจกรรมผ่อนคลาย แอบงีบกลางวัน เพื่อให้ร่างกายพักผ่อนเพียงพอ
กิจกรรมผ่อนคลายต่าง ๆ เหล่านี้ รวมกับโปรแกรมเลิกติดหวานทั้ง 2 โปรแกรมก่อนหน้านี้ โปรแกรมเลิกติดหวาน 1 และ โปรแกรมเลิกติดหวาน 2 จะช่วยให้ทุกคนเลิกติดหวานได้สำเร็จค่ะ