วิทยาศาสตร์ด้านการแพทย์และอาหารสมัยใหม่พบว่า สาเหตุของความเจ็บป่วยโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไขมันพอกตับ รวมไปถึงโรคอัลไซเมอร์ และโรคซึมเศร้า ล้วนมาจากการอักเสบของเซลล์ในร่างกาย เราจึงต้องหาวิธีลดการอักเสบ
โดยเฉพาะในเรื่องสมอง งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ชื่อ Midlife systemic inflammation makers are associated with late – life brain volume นำโดย ดร. คีแนน เอ. วอร์เกอร์ ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Neurology ซึ่งศึกษาการอักเสบจากกระแสเลือด ของผู้เข้าร่วมการทดลอง จำนวน 1,633 คน และติดตามผลถึง 24 ปี พบว่า คนที่มีระดับการอักเสบในกระแสเลือดสูง จะมีขนาดสมองที่หดเล็กลงเรื่อย ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่มีอาการอักเสบ
นายแพทย์เดวิด เพิร์ลมัตเตอร์ ชาวอเมริกัน ผู้เคยได้รับรางวัลไลนัสพอลลิ่ง สาขาฟังก์ชันนอล เมดิซีน ปี ค.ศ. 2002 และเจ้าของหนังสือขายดีเรื่อง Grain Brain ยืนยันว่า กลูเต้นในธัญพืชนั้น ทำให้เซลล์สมองอักเสบและหดตัวลง
ฉะนั้นนอกจากโรคและอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นต่อสมอง ไม่ว่าจะเป็นอาการสมองเบลอ คิดอะไรไม่ออก มึนงง จำอะไรไม่ค่อยได้ โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน ยังรวมไปถึงเรื่องการควบคุมอารมณ์ ความผิดปกติทางจิตเวช และการเสพติดอาหารบางอย่าง ล้วนแล้วแต่เกิดการอักเสบของเซลล์ในร่างกายทั้งสิ้น
(ย้ำว่าการอักเสบนี้ เป็นการอักเสบของเซลล์ในร่างกาย ซึ่งไม่ใช่แค่การอักเสบของเซลล์สมอง และรวมถึงการอักเสบของระบบย่อย ระบบเผาผลาญ และระบบดูดซึมอาหารในช่องท้อง)
เราจึงต้องกาวิธีลดอักเสบ เพื่อป้องกันโรคเรื้อรังต่าง ๆ
สาเหตุและวิธีการลดการอักเสบ
-
อาหารจำพวกแป้งขาวและของหวาน
ถามว่าอาหารเหล่านี้ เข้าไปก่ออาการอักเสบอย่างไร คำตอบคือ อาหารเหล่านี้ให้พลังงาน หลังจากที่เรากินเข้าไปในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยอาหารจำพวกแป้งขาว ที่ผ่านกระบวนการขัดขาวมาแล้ว ซึ่งในกระบวนการดังกล่าว เป็นการนำสารอาหารต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายออกไปด้วย โดยเฉพาะของหวาน ประเภทน้ำหวาน น้ำอัดลม ขนมหวานต่าง ๆ ก็มักเป็นอาหารลักษณะเดียวกันกับแป้งขาว คือ ไม่ให้สารอาหารอื่นใดเลย นอกจากพลังงานในช่วงเวลาสั้น ๆ
นอกจากนี้ ในกระบวนการย่อยแป้งขาวและของหวาน ร่างกายต้องสูญเสียสารอาหารจำเป็นเป็นจำนวนมาก เช่น วิตามินบี ซัลเฟอร์ โครเมี่ยม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และถ้ากินแป้งขาวและของหวานต่อเนื่อง ก็จะทำให้ร่างกายเราขาดสารอาหารจำเป็นดังกล่าว เสี่ยงต่อภาวการณ์อักเสบเรื้อรังของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ด้านการแพทย์ และอาหารสมัยใหม่พบว่า โรคอัลไซเมอร์คือ โรคเบาหวานประเภท 3 ซึ่งเกิดจากการอักเสบของเซลล์สมอง อันสือเนื่องมาจากการกินแป้งขาว และของหวาน
-
อาหารที่มีกลูเต้น
อาหารที่มีกลูเต้น ได้แก่ ธัญพืชทั้งหลาย เช่น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เล่ย์ ข้าวโอ๊ต ข้าวไรน์ เมื่ออาหารที่มีกลูเต้นเข้าไปในร่างกาย ผ่านการย่อยของกระเพาะอาหารแล้ว กลูเต้นจะทำปฏิกิริยากับระบบต่อมน้ำเหลือง (peyer’s patch) ที่เรียงรายอยู่ในลำไส้เล็ก (ที่ทำหน้าที่สร้างระบบภูมิคุ้มกัน โดยการควบคุมความสมดุลของจำนวนแบคทีเรีย ซึ่งจะต้องมีตัวที่ดี มากกว่าตัวร้าย) ทั้งนี้กลูเต้นซึ่งเป็นโปรตีน จะเข้าไปก่อให้เกิดอาการอักเสบในระบบภูมิคุ้มกันดังกล่าว โดยเฉพาะในรายที่มีอาการแพ้กลูเต้น และผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
นอกจากนี้ ในผู้ที่ไม่มีอาการแพ้กลูเต้น หากบริโภคกลูเต้นต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก็จะเกิดภาวะที่เรียกลำไส้ขี้เกียจ (gut leakหรือ intestinal permeability) ซึ่งจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันที่เรียงรายอยู่ในลำไส้เล็กอ่อนแอ ทำให้อาหารที่ผ่านการย่อยไม่สมบูรณ์และบูดเน่า (หากระบบการย่อยอาหารไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ เช่น น้ำย่อยหลั่งออกมาน้อยเกินไป น้ำย่อยมีความเป็นกรดไม่พอ) ปล่อยเชื้อโรคเข้าไปสู่กระแสเลือดได้ ก่อโรคที่เกิดจากการอักเสบอื่น ๆ เช่น โรครูมาตอยด์ ลำไส้ใหญ่อักเสบ เอสแอลอี
-
จำนวนแบคทีเรียในลำไส้ไม่สมดุล
การกินยาแก้อักเสบ หรือยาต้านการอักเสบ หรือ anti-biotic แม้แต่ปีละครั้งเดียว ก็ทำลายสภาวะแวดล้อมในช่องท้องต่อไปอีกนาน ถึงครึ่งปีเลยทีเดียว นี่ไม่นับรวมผู้ที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน และต้องกินอย่างต่อเนื่องนะ โดยสภาวะแวดล้อมที่ไม่สมดุลในช่องท้องหมายถึง การมีจำนวนแบคทีเรียตัวร้ายมากกว่าจำนวนแบคทีเรียตัวดี
จากการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ที่เน้นไปยังระบบเมตาบอลิก หรือระบบย่อยอาหาร ระบบเผาผลาญ และระบบดูดซึมอาหาร พบว่า แบคทีเรียในร่างกายมนุษย์ มีมากกว่าเซลล์ในร่างกายเราถึงสามเท่าเลยทีเดียว และแบคทีเรียต่าง ๆ เหล่านี้ก็ทำหน้าที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้เพื่อรักษาระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ฉะนั้น เมื่อเกิดสภาวะจำนวนแบคทีเรียในลำไส้ไม่สมดุล กล่าวคือ มีแบคทีเรียตัวร้ายมากกว่า ย่อมก่อให้เกิดความผิดปกติ เนื่องจากแบคทีเรียเหล่านี้จะปล่อยท็อกซินหรือของเสียออกมา ทำให้สภาวะแวดล้อมในช่องท้องเต็มไปด้วยท็อกซิน และก่อให้เกิดการอักเสบ
อย่างไรก็ตาม จำนวนแบคทีเรียในลำไส้ไม่สมดุลนั้น มีสาเหตุอื่น ๆ อีก เช่น ระบบการย่อยอาหารที่ทำงานผิดปกติ จนทำให้อาหารที่กินเข้าไปไม่ได้รับการย่อยอย่างสมบูรณ์ เกิดการบูดเน่า จนกลายเป็นท็อกซินในระบบทางเดินอาหาร มิหนำซ้ำ การกินแป้งขาวและของหวานอย่างต่อเนื่อง ก็ไปทำให้แบคทีเรียตัวร้ายในลำไส้เติบโตผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม การอักเสบในเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย ยังมาจากสาเหตุอื่น ๆ อีก เช่น ความเครียด (ยิ่งถ้ารวมกับการกินแป้งขาวและของหวานด้วยแล้ว การอักเสบจะรุนแรง แล้วบ.ก.จะเล่าให้ฟังในตอนอื่น ๆ) การกินน้ำตาลเทียมอย่างต่อเนื่อง การกินอาหารที่มีกรดไขมันจำเป็นโอเมก้า 6 ไม่สมดุลกับกรดไขมันจำเป็นโอเมก้า 3 (สัดส่วนของโอเมก้า 6 และ 3 ควรไม่เกิน 15:1 ทั้งนี้สัดส่วนที่ดีที่สุดต่อร่างกาย ควรเป็น 1:1) นอกจากนี้ การที่ร่างกายได้สัมผัสกับสารเคมี จำพวกโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว และสารเคมีจำพวกยาฆ่าแมลง ก็ก่อท็อกซินในร่างกาย และทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์ในร่างกายได้ทั้งสิ้น
ส่วนการป้องกันการอักเสบนั้น บ.ก.มักแนะนำให้งดแป้งขาวและของหวาน ซึ่งเป็นอาหารใกล้ตัว ที่เราทุกคนแทบจะบริโภคอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หรือพูดง่าย ๆ ว่าแป้งขาวและของหวานคือ สาเหตุหลักก่ออาการอักเสบ ฉะนั้น หากทำได้ จะช่วยป้องกันภาวการณ์อักเสบของเซลล์ในร่างกายได้อักโข
ทั้งนี้ ก็ช่วยป้องกันโรคเรื้อรังต่าง ๆ ได้
__________________________________________________________________________
อ้างอิง
- David Permutter, M.D., Focus on Addiction, drperlmutter.com
- Mark Hyman, M.D., The Blood Sugar Solution, Little, Brown and Company, New York, 2012